วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ขนมหวานเมืองเพชร

ขนมหวานเมืองเพชร

ขนมเมืองเพชร เป็นคำที่ใช้เรียกขนมที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรีซึ่งมีหลายชนิด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขนมที่เป็นเอกลักษณ์ของเพชรบุรีคือขนมที่ทำมาจากตาลโตนด ขนมที่ทำจากตาลโตนดนี้ได้แก่ มีกล่าวถึงในบทสวดสุบินของเก่า ที่ว่า

                                                           ขนมเพชรบุรี ใหญ่สิ้นดีทั้งหวานมัน
                                                         ผู้ดีเมืองเพชรนั้น เขายกย่องเป็นของดี
                                                  โตนดเต้าและจาวตาล เป็นเครื่องหวานเพชรบุรี
                                                           กินกับน้ำตาลยี ของมากมีมาช่วยกิน
ขนมที่ทำจากตาลโตนดที่สำคัญของเพชรบุรี ได้แก่
 -จาวตาลเชื่อมเป็นการนำจาวตาลระยะที่ 3 ซึ่งเนื้อของจาวตาลแข็งซุยคล้ายจาวมะพร้าว แต่แน่นกว่า นำมาเชื่อมกับน้ำตาล นำไปเป็นส่วนประกิบของขนมอื่นได้อีก เช่น กินกับข้าวเหนียวมูน เป็นต้น
 -โตนดทอด นำจาวตาลเชื่อมาชุบแป้งทอด เป็นขนมดั้งเดิมชนิดหนึ่ง
-ขนมตาล ทำจากลูกตาลที่แก่และสุกงอม นำเนื้อลูกตาลมายีแล้วนำไปผสมกับแป้ง น้ำตาลโตนดและกะทิ คนให้เข้ากัน นำไปนึ่ง สุกแล้วโรยด้วยมะพร้าวขูดโรยงา
 -ตังเม นำน้ำตาลสดมาเคี่ยวให้งวดด้วยไฟแรงเพื่อทำเป็นน้ำตาลปึก ส่วนที่เป็นน้ำตาลเหนียวๆจับอยู่ที่ขอบกระทะ เรียกตังเม ใช้ใบตองแห้งปาดขึ้นมาก็ได้เป็นขนมหวานอีกชนิดหนึ่ง

ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ขนมเมืองเพชรที่เป็นที่นิยม ได้แก่
 -ขนมขี้หนู มีชื่อเสียงมาก่อนขนมอื่น รัชกาลที่ 4 โปรดมาก ลักษณะเด่นของขนมขี้หนูเมืองเพชรคือ นุ่ม ไม่หวานจัด หอมด้วยกลิ่นดอกมะลิ โรยด้วยมะพร้าวขูดเป็นเส้นก่อนรับประทาน ปัจจุบันขนมขี้หนูเมืองเพชร
 -ข้าวเกรียบงาเป็นขนมที่ทาเป็นแผ่น แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จะรับประทานเลยหรือจะนำไปปิ้งก่อนก็ได้ ในระยะแรกใช้เพียงแป้งกับน้ำตาล ละเลงเป็นแผ่นใหญ่และหนากว่าในปัจจุบัน แต่ไม่เป็นที่นิยม จึงมีผู้ดัดแปลงใส่มะพร้าวหั่นเป็นแท่งขนาดเล็กลงไป และเพิ่มงาลงไปอีกอย่างหนึ่ง จึงเป็นข้าวเกรียบงาอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
 -ขนมหม้อแกง มีรสหวานมันและต่างจากขนมหม้อแกงเมืองอื่นตรงที่เนื้อละเอียดแต่ไม่แน่นจนแข็ง ไม่จับเป็นก้อนหรือมีรูพรุน ไม่มีหอมเจียวโรยหน้า


 



สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ


สถานที่่ท่องเที่ยวอื่นๆ




ภูมิทัศน์ในวังบ้านปืน

ภูมิทัศน์















ลักษะทางสถาปัตยกรรม

ลักษะทางสถาปัตยกรรม  

     พระตำหนักได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบบาโรค (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่าจุงเกนสติล (Jugendstil) ตัวพระตำหนักจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระตำหนักหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระตำหนักดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา

     แผนผังของตัวอาคารสร้างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมสวนหย่อม มีสระน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนที่ประทับเป็นตึกสองชั้นขนาดใหญ่ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเป็นโถงสูงมีบันไดโค้งขึ้นสู่ชั้นสองซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของพระตำหนักเพราะรวมสิ่งน่าชมไว้หลายหลาก ตัวอย่างเช่น เสาที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและตกแต่งด้วยโลหะ ขัดเงา เสาเหล่านี้แล่นตลอดจากพื้นจดเพดานชั้นสองและประดับด้วยกระเบื้องเขียวเข้ากันกับบริเวณโดยรอบโถงบันได ที่หัวเสาตาม ราวบันไดโค้งมีตุ๊กตากระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถต่าง ๆ ประดับไว้ รอบบริเวณโถงบันไดชั้นบนยังมีกรอบลูกไม้กระเบื้องเคลือบประดับตามช่องโดยรอบอีกด้วย


    พระตำหนักหลังนี้ยังมีสิ่งที่น่าชมอีกมาก กล่าวคือ การตกแต่งภายในแต่ละห้องให้มีรูปลักษณ์แตกต่าง กันไปทั้งสีสันและวัสดุที่ใช้ เช่น บริเวณโถงบันไดใช้โทนสีเขียว ห้อง เสวยใช้โทนสีเหลือง ตกแต่งช่องประตูด้วยเหล็กดัดแบบอาร์ต นูโว และประดับผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีเหลืองสด ตัดกรอบด้วยกระเบื้องเขียวเป็นช่อง ๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้องประดับผนังมีลวด ลายนูนเป็นรูปสัตว์และพรรณพืชต่าง ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ ๆ ห้องพระบรรทมใช้โทนสีทอง โดยตกแต่งเสาในห้องด้วยแผ่นโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัวเสาเป็นภาพเขียนแจกันดอกไม้หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดูสง่างามและมลังเมลือง

     การก่อสร้างพระที่นั่งแห่งนี้ มาสำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามว่า “พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนนาม "พระราชวังบ้านปืน" โดยพระราชทานนามพระราชวังใหม่ว่า “พระรามราชนิเวศน์”[1] นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำเนินการหล่อรูปปั้นพระนารายณ์ทรงปืนเพื่อนำมาประดิษฐานไว้ยังหน้าพระที่นั่ง (ปัจจุบัน รูปปั้นนี้ย้ายมาไว้ยังหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) แต่คนทั่วไปจะเรียกติดปากว่าพระราชวังบ้านปืนตาม ชื่อเดิมของถิ่นที่อยู่นั่นเอง แม้ว่าพระรามราชนิเวศน์จะสร้างเสร็จในรัชกาลที่ 6 แต่พระองค์ก็มิได้เสด็จประพาสมายังพระราชวังนี้บ่อยนัก จะเสด็จมาประทับเพื่อทอดพระเนตรการซ้อมเสือป่าบ้าง แต่ก็น้อยครั้งมาก วังนี้จึงเริ่มทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ

     ครั้นมาถึงรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดฯ ให้ปรับพระราชวังนี้เป็นสถานศึกษาของเหล่าครูในแขนงวิชาชีพต่าง ๆ มาจนกระทั่งวิชาชีพเหล่านี้แข็งแกรงขึ้นจนย้ายออกไปตั้งอยู่ที่อื่นได้ วังนี้จึงถูกปล่อยให้ทรุดโทรมลงอีกครั้ง หลังจากนั้น พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นโรงเรียนวังพระรามราชนิเวศน์ โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม โรงเรียนฝึกหัดครูผู้กำกับลูกเสือในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงเรียนประถมวิสามัญหญิง จนกระทั่ง โรงเรียนเหล่านี้ย้ายออกไป พระราชวังบ้านปืนจึงถูกทิ้งให้รกร้างอีกครั้ง

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ฝ่ายทหารได้ใช้พระราชวังนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทหาร ปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นที่ตั้งของจังหวัดทหารบกเพชรบุรีและต่อมาได้เป็นมณฑลทหารบกที่15 และได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะของจังหวัดเพชรบุรี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน โปรดฯ ให้ใช้พระราชวังบ้านปืนนี้เป็นหนาวยบัญชาการของ ทหารบก และเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร-ศิลปะของจังหวัดเพชรบุรีด้วย แต่หากเราจะขอเข้าชมก็ต้องได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับการจังหวัดทหารบก กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 11 เพื่อขอเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการเสียก่อน
    

พระรามราชนิเวศน์





พระรามราชนิเวศน์


    พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน ตั้งอยู่ที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี โดยมีนายคาร์ล ดอห์ริง สถาปนิกชาวเยอรมนีเป็นผู้เขียนแบบ, ดร.ไบเยอร์ ชาวเยอรมนี เป็นนายช่างก่อสร้าง, พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมการก่อสร้าง, และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมด้านการไฟฟ้า

    ด้วยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะมีพระราชวังนอกพระนครเพื่อประทับค้างแรมได้โดยสะดวก จังหวัดเพชรบุรีที่พระองค์มีพระประสงค์จะให้เป็นพระราชวังที่ใช้ประทับยามหน้าฝน พระองค์จึงมีพระราชโองการให้ซื้อที่ดินจากชาวบ้านที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นแม่งานควบคุมการก่อสร้าง และมีพระบัญชาให้ คาร์ล ซีกฟรีด เดอห์ริง (Karl Siegfried Dohring) ผู้เคยออกแบบ วังบางขุนพรหม วังวรดิศ และวังพระองค์เจ้าดิลกนพรัฐมาแล้ว เป็นสถาปนิกออกแบบ

     นายดอห์ริงได้เลือกผู้ร่วมงานทั้งสถาปนิก วิศวกร และมัณฑนากรเป็นชาวเยอรมันทั้งสิ้น เพื่อการทำงานให้มีศิลปะเป็นแบบเดียวกันพระที่นั่งองค์นี้จึงมีรูปแบบศิลปะตะวันตกอย่างเต็มตัว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่ต้องการพระตำหนักแบบโมเดิร์นสไตล์ สถาปนิกจึงได้ออกแบบมาในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเยอรมัน โดยได้แบบแผนมาจากตำหนักในพระราชวังของพระเจ้าไกเซอร์แห่งเยอรมันที่ทรงเคยประทับ

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ภูมิทัศน์ในวัดมหาธาตุ

วัดต่างๆใน จังหวัดเพชรบุรี

รายชื่อวัดในจังหวัดเพชรบุรี
1 พระอารามหลวงในจังหวัดเพชรบุรี
1.1 พระอารามหลวงมหานิกาย
1.2 พระอารามหลวงธรรมยุติกนิกาย
2 วัดราษฏร์ในจังหวัดเพชรบุรี
2.1 วัดราษฏร์ในอำเภอแก่งกระจาน
2.1.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.2 วัดราษฏร์ในอำเภอเขาย้อย
2.2.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.2.2 วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
2.3 วัดราษฏร์ในอำเภอชะอำ
2.3.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.3.2 วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
2.4 วัดราษฏร์ในอำเภอท่ายาง
2.4.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.4.2 วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
2.5 วัดราษฏร์ในอำเภอบ้านลาด
2.5.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.6 วัดราษฏร์ในอำเภอบ้านแหลม
2.6.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.7 วัดราษฏร์ในอำเภอเมืองเพชรบุรี
2.7.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.7.2 วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
2.8 วัดราษฏร์ในอำเภอหนองหญ้าปล้อง
2.8.1 วัดราษฏร์มหานิกาย
2.8.2 วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
พระอารามหลวงในจังหวัดเพชรบุรี
พระอารามหลวงมหานิกาย[แก้]
วัดคงคารามวรวิหาร (พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร) ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี
วัดมหาธาตุวรวิหาร (พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร) ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี
วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร (พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร) ตำบลท่าราบ อำเภอเมืองเพชรบุรี
พระอารามหลวงธรรมยุติกนิกาย
วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร (พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร) ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี
วัดราษฏร์ในจังหวัดเพชรบุรี
วัดราษฏร์ในอำเภอแก่งกระจาน
วัดราษฏร์มหานิกาย
วัดแก่งกระจาน ตำบลแก่งกระจาน
วัดเขากลิ้ง ตำบลแก่งกระจาน
วัดถ้ำเสือ ตำบลแก่งกระจาน
วัดลำตะเคียน ตำบลแก่งกระจาน
วัดร่วมใจพัฒนา ตำบลป่าเด็ง
วัดห้วยกวางจริง ตำบลพุสวรรค์
วัดวังจันต์ ตำบลวังจันทร์
วัดหนองมะกอก ตำบลวังจันทร์
วัดสองพี่น้อง ตำบลสองพี่น้อง
วัดหนองปืนแตก ตำบลสองพี่น้อง
วัดราษฏร์ในอำเภอเขาย้อย
วัดราษฏร์มหานิกาย
วัดเขาย้อย ตำบลเขาย้อย
วัดท้ายตลาด ตำบลเขาย้อย
วัดพระธาตุศิริชัย ตำบลเขาย้อย
วัดยาง ตำบลเขาย้อย
วัดห้วยหลวง ตำบลเขาย้อย
วัดคีรีวงก์ ตำบลชุมพลเหนือ
วัดมณีเลื่อน ตำบลชุมพลเหนือ
วัดศีลคุณาราม ตำบลชุมพลเหนือ
วัดเขาพระ ตำบลทับคาง
วัดดอนทราย ตำบลทับคาง
วัดเทพประชุมนิมิตร ตำบลทับคาง
วัดบ้านบน ตำบลทับคาง
วัดกุฎิ ตำบลบางเค็ม
วัดบ้านกล้วย ตำบลบางเค็ม
วัดโพธิ์งาม ตำบลบางเค็ม
วัดเขานาควิวัฒน์ ตำบลสระพัง
วัดสระพัง ตำบลสระพัง
วัดสวนโมก ตำบลสระพัง
วัดหนองส้ม ตำบลสระพัง
วัดพวงมาลัย ตำบลหนองชุมพล
วัดพุม่วง ตำบลหนองชุมพล
วัดหนองชุมพล ตำบลหนองชุมพล
วัดหนองปรง ตำบลหนองปรง
วัดเขาสมอระบัง ตำบลหนองปลาไหล
วัดเวฬุวนาราม (บ้านไผ่) ตำบลหนองปลาไหล
วัดหนองปลาไหล ตำบลหนองปลาไหล
วัดกุญชรวชิราราม (ห้วยท่าช้าง) ตำบลห้วยท่าช้าง
วัดกาจับศรัทธาธรรม ตำบลห้วยโรง
วัดห้วยโรง ตำบลห้วยโรง
วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
วัดทรงธรรม ตำบลชุมพลเหนือ
วัดป่าเขากลิ้ง ตำบลสระพัง
วัดราษฏร์ในอำเภอชะอำ
วัดราษฏร์มหานิกาย[แก้]
วัดนิคมวชิราราม ตำบลเขาใหญ่
วัดหุบกะพง ตำบลเขาใหญ่
วัดชะอำ ตำบลชะอำ
วัดไทรย้อย ตำบลชะอำ
วัดป่าวิสุทธิคุณ ตำบลชะอำ
วัดโพธิ์สุวรรณ ตำบลชะอำ
วัดมฤคทายวัน บ้านห้วยทรายใต้ ตำบลชะอำ
วัดราษฎร์เจริญธรรม ตำบลชะอำ
วัดหนองแจง ตำบลชะอำ
วัดห้วยทรายใต้ ตำบลชะอำ
วัดไตรรัตน์เจริญผล ตำบลดอนขุนห้วย
วัดหนองเผาถ่าน ตำบลดอนขุนห้วย
วัดคลองสายหนึ่ง ตำบลนายาง
วัดเทพประสิทธิ์ ตำบลนายาง
วัดนายาง ตำบลนายาง
วัดโตนดหลวง ตำบลบางเก่า
วัดสมุทรคาม ตำบลบางเก่า
วัดช้างแทงกระจาด ตำบลสามพระยา
วัดอ่างหิน ตำบลสามพระยา
วัดหนองศาลา ตำบลหนองศาลา
วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
วัดเนรัญชราราม ตำบลชะอำ
วัดหนองตาพต ตำบลชะอำ
วัดหนองหงษ์พัฒนา ตำบลไร่ใหม่พัฒนา
วัดราษฏร์ในอำเภอท่ายาง
วัดราษฏร์มหานิกาย
วัดสารหิตาวาส ตำบลกลัดหลวง
วัดหนองเขาอ่อน ตำบลกลัดหลวง
วัดเขากระปุก ตำบลเขากระปุก
วัดโป่งเกตุ ตำบลเขากระปุก
วัดหนองตาฉาว ตำบลเขากระปุก
วัดหนองโรง ตำบลเขากระปุก
วัดหนองเอื้อง ตำบลเขากระปุก
วัดเกษมสุทธาราม(วัดท่าขาม) ตำบลท่าคอย
วัดเขื่อนเพชร ตำบลท่าคอย
วัดชลธราราม ตำบลท่าคอย
วัดท่าคอย ตำบลท่าคอย
วัดท่าลาว ตำบลท่าไม้รวก
วัดศรีชุมแสง ตำบลท่าไม้รวก
วัดหนองเตียน ตำบลท่าไม้รวก
วัดวิบูลย์ประชาสรรค์ ตำบลท่ายาง
วัดเขาปากชอง ตำบลท่าแลง
วัดดอนเตาอิฐ ตำบลปึกเตียน
วัดตาลกง ตำบลมาบปลาเค้า
วัดอรัญญาราม ตำบลมาบปลาเค้า
วัดธรรมาราม ตำบลยางหย่อง
วัดบางประจันต์ ตำบลวังไคร้
วัดแม่ประจันต์ ตำบลวังไคร้
วัดหนองจอก ตำบลหนองจอก
วัดหนองบัว ตำบลหนองจอก
วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
วัดบรรพตาวาส (เขากระจิว) ตำบลท่ายาง
วัดราษฎร์บำรุง (ไสค้าน) ตำบลท่ายาง
วัดสหธรรมิการาม (หนองแขม) ตำบลท่ายาง
วัดราษฎร์นิมิต (ท่าเหว) ตำบลท่าแลง
วัดปึกเตียน ตำบลปึกเตียน
วัดชายนา ตำบลบ้านในดง
วัดราษฏร์ในอำเภอบ้านลาด
วัดราษฏร์มหานิกาย
วัดหนองหญ้าปล้อง ตำบลหนองหญ้าปล้อง
วัดอ่างศิลา ตำบลหนองหญ้าปล้อง
วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย

 

วัดตำหรุ ตำบลตำหรุ
วัดระหารน้อย ตำบลตำหรุ
วัดศาลาเขื่อน ตำบลตำหรุ
วัดอินจำปา ตำบลตำหรุ
วัดขลุบ ตำบลถ้ำรงค์
วัดถ้ำรงค์ ตำบลถ้ำรงค์
วัดม่วงงาม ตำบลถ้ำรงค์
วัดโพธิ์กรุ ตำบลท่าช้าง
วัดเขาทโมน ตำบลท่าเสน
วัดท่าศาลาราม ตำบลท่าเสน
วัดหาดทราย ตำบลท่าเสน
วัดจันทาราม ตำบลบ้านทาน
วัดโพธิ์เรียง ตำบลบ้านทาน
วัดเกาะแก้วสุทธาราม ตำบลบ้านลาด
วัดป่าแป้น ตำบลบ้านลาด
วัดไม้รวกสุขาราม ตำบลบ้านลาด
วัดลาดศรัทธาราม ตำบลบ้านลาด
วัดใหม่ประเสริฐ ตำบลบ้านลาด
วัดกุ่ม ตำบลบ้านหาด
วัดเขาน้อย ตำบลบ้านหาด
วัดดอนกอก ตำบลโรงเข้
วัดหนองกาทอง ตำบลโรงเข้
วัดหัวนา ตำบลไร่โคก
วัดบ่อบุญ ตำบลไร่สะท้อน
วัดหนองแก ตำบลไร่สะท้อน
วัดวังบัว ตำบลลาดโพธิ์
วัดท่าไชยศิริ ตำบลสมอพลือ
วัดโพธาวาส ตำบลสมอพลือ
วัดห้วยเสือ ตำบลสมอพลือ
วัดดอนหว้า ตำบลสะพานไกร
วัดช่อม่วง ตำบลหนองกระเจ็ด
วัดโพธิ์ลอย ตำบลหนองกะปุ
วัดไทรทอง ตำบลห้วยข้อง
วัดเนินหนองโสน ตำบลห้วยข้อง
วัดหนองจอก ตำบลห้วยลึก
วัดราษฏร์ในอำเภอบ้านแหลม
วัดราษฏร์มหานิกาย
วัดกุฎิ ตำบลท่าแร้ง
วัดโคมนาราม ตำบลบางแก้ว
วัดพิกุลแก้ว ตำบลบางแก้ว
วัดราษฎร์ศรัทธา ตำบลบางแก้ว
วัดดอนผิงแดด ตำบลบางขุนไทร
วัดไทรทอง ตำบลบางขุนไทร
วัดบางขุนไทร ตำบลบางขุนไทร
วัดเขาตะเครา ตำบลบางครก
วัดบางลำภู ตำบลบางครก
วัดบางหอ ตำบลบางครก
วัดปากคลอง ตำบลบางครก
วัดเฟื้อสุธรรม ตำบลบางครก
วัดสุทธาวาส ตำบลบางครก
วัดคุ้งตำหนัก ตำบลบางตะบูน
วัดปากลัด ตำบลบางตะบูน
วัดเกาะแก้ว ตำบลบางตะบูนออก
วัดปากอ่าวบางตะบูน ตำบลบางตะบูนออก
วัดเพชรสุวรรณ ตำบลบางตะบูนออก
วัดต้นสน ตำบลบ้านแหลม
วัดในกลาง ตำบลบ้านแหลม
วัดลักษณาราม ตำบลบ้านแหลม
วัดศีรษะคาม ตำบลบ้านแหลม
วัดอุตมิงคาวาส ตำบลบ้านแหลม
วัดนอกปากทะเล ตำบลปากทะเล
วัดในปากทะเล ตำบลปากทะเล
วัดสมุทรโคดม ตำบลแหลมผักเบี้ย
วัดสมุทรธาราม (สมุทธาราม) ตำบลแหลมผักเบี้ย
วัดราษฏร์ในอำเภอเมืองเพชรบุรี
วัดราษฏร์มหานิกาย
วัดกุฎีดาว ตำบลคลองกระแชง
วัดแก่นเหล็ก ตำบลคลองกระแชง
วัดข่อย ตำบลคลองกระแชง
วัดโคก ตำบลคลองกระแชง
วัดช้าง ตำบลคลองกระแชง
วัดชีสระอินทร์ ตำบลคลองกระแชง
วัดไชยสุรินทร์ ตำบลคลองกระแชง
วัดถ้ำแก้ว ตำบลคลองกระแชง
วัดพระพุทธไสยาสน์ ตำบลคลองกระแชง
วัดพลับพลาชัย ตำบลคลองกระแชง
วัดยาง ตำบลคลองกระแชง
วัดรัตนตรัย ตำบลคลองกระแชง
วัดสระบัว ตำบลคลองกระแชง
วัดอัมพวันปิยาราม ตำบลคลองกระแชง
วัดนาค ตำบลช่องสะแก
วัดพระรูป ตำบลช่องสะแก
วัดถิ่นปุรา ตำบลดอนยาง
วัดหนองไม้เหลือง ตำบลดอนยาง
วัดหนองควง ตำบลต้นมะพร้าว
วัดท่าศิริ ตำบลต้นมะม่วง
วัดกำแพงแลง ตำบลท่าราบ
วัดเกาะ ตำบลท่าราบ
วัดจันทราวาส ตำบลท่าราบ
วัดชีว์ประเสริฐ ตำบลท่าราบ
วัดไตรโลก ตำบลท่าราบ
วัดธ่อเจริญธรรม ตำบลท่าราบ
วัดป้อม ตำบลท่าราบ
วัดพรหมวิหาร ตำบลท่าราบ
วัดพระทรง ตำบลท่าราบ
วัดเพชรพลี ตำบลท่าราบ
วัดแรก ตำบลท่าราบ
วัดลาด ตำบลท่าราบ
วัดธงไชย ตำบลธงชัย
วัดบุญทวี (ถ้ำแกลบ) ตำบลธงชัย
วัดวิหารโบสถ์ ตำบลธงชัย
วัดอินทาราม ตำบลธงชัย
วัดดอนมะขามช้าง ตำบลนาพันสาม
วัดนาพรม ตำบลนาพันสาม
วัดไสกระดาน ตำบลนาวุ้ง
วัดเจริญศรีมณีผล ตำบลบางจาก
วัดทองนพคุณ ตำบลบางจาก
วัดปากน้ำ ตำบลบางจาน
วัดโพธิ์ทัยมณี ตำบลบางจาน
วัดใหม่เจริญธรรม ตำบลบางจาน
วัดขุนตรา ตำบลบ้านกุ่ม
วัดบันไดทอง ตำบลบ้านกุ่ม
วัดประดิษฐวนาราม ตำบลบ้านหม้อ
วัดโพธิ์พระนอก ตำบลโพพระ
วัดโพธิ์พระใน ตำบลโพพระ
วัดเพรียง ตำบลโพไร่หวาน
วัดบันไดอิฐ ตำบลไร่ส้ม
วัดโรงเข้ ตำบลไร่ส้ม
วัดไร่ดอน ตำบลไร่ส้ม
วัดเวียงคอย ตำบลเวียงคอย
วัดลาดโพธิ์ ตำบลสำมะโรง
วัดสำมะโรง ตำบลสำมะโรง
วัดลุ่มโพธิ์ทอง ตำบลหนองขนาน
วัดหนองหว้า ตำบลหนองขนาน
วัดธรรมรังษี ตำบลหนองพลับ
วัดชมพูพน ตำบลหนองโสน
วัดสิงห์ ตำบลหนองโสน
วัดเขมาภิรัตการาม ตำบลหัวสะพาน
วัดบ่อหลวง ตำบลหัวสะพาน
วัดเสาวคนธ์ ตำบลหัวสะพาน
วัดดอนบ้านใหม่ ตำบลหาดเจ้าสำราญ
วัดบางทะลุ ตำบลหาดเจ้าสำราญ
วัดหาดเจ้าสำราญ ตำบลหาดเจ้าสำราญ
วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย
วัดสนามพราหมณ์ ตำบลท่าราบ
วัดอุทัยโพธาราม ตำบลท่าราบ
วัดราษฏร์ในอำเภอหนองหญ้าปล้อง
วัดราษฏร์มหานิกาย
วัดเขาชมพู ตำบลท่าตะคร้อ
วัดพุพลู ตำบลยางน้ำกลัดใต้
วัดยางน้ำกลัดใต้ ตำบลยางน้ำกลัดใต้
วัดยางน้ำกลัดเหนือ ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ
วัดลิ้นช้าง ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ
วัดเขากระทิง ตำบลหนองหญ้าปล้อง
วัดเขาบันได ตำบลหนองหญ้าปล้อง
วัดจะโปรง ตำบลหนองหญ้าปล้อง
วัดพุตะเคียน ตำบลหนองหญ้าปล้อง

วัดมหาธาตุ



         วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใดมีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง สมัยทวารวดี - สุโขทัย มีอายุราว 800 - 1,000 ปี
โดยประมาณ เนื่องจากขุดพบซากอิฐสมัยทวารวดีอยู่เป็นจำนวนมาก มีผู้กล่าวว่าวัดมหาธาตุวรวิหารน่าจะเคยเป็นวัดที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อนต่อมาชำรุดทรุดโทรมลง จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2459
ซึ่งพระสุวรรณมุณี (หลวงพ่อชิด ชิตรัตน์) เป็นเจ้าอาวาส
      
  วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี ภายในพระวิหารหลวงของวัดประดิษฐานพระพุทธรุปสำคัญ คือ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุ ด้านหลังพระวิหารหลวง คือ พระปรางค์ 5 ยอด อยู่ภายในวิหารคต ทางด้านทิศใต้ของพระวิหารหลวง คือ พระวิหารน้อย และวัดมหาธาตุวรวิหารยังได้สร้าง พิพิธภัณฑ์ของวัด เป็นที่รวมรวมศิลปะ ความเป็นมาต่าง ๆ ของวัดไว้ให้ผู้สนใจได้เข้าชม

สถานที่สำคัญในวัดมหาธาตุ

สถานที่สำคัญในวัดมหาธาตุ

สถานที่สำคัญ พระวิหารหลวง พระวิหารหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ. 2275 - 2301) ภายในพระวิหารหลวงมีพระพุทธรูปที่สำคัญ คือ พระพุทธรูปประธานทรงราชาภรณ์ นอกจากนี้ ยังมี หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุ เป็นพุทธรุปปรางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 8 นิ้ว หัตถ์ซ้ายถือพัด ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อวัดมหาธาตุ ภายในพระวิหารหลวงผนังทุกด้านมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ทั้งภาพชาดก และเทพชุมนุมที่หน้าบันประดับด้วยลาย ปูนปั้น รูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค มีพยาวานรแบกครุฑอยู่อีกชั้นหนึ่ง พื้นหลังเป็นลายกนก ก้านขดออกช่อลายหางโต เป็นรูปครุฑ นาค ยักษ์ ฯลฯ พระวิหารน้อย พระวิหารน้อย เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา ฐานอ่อนโค้งทรงสำเภา ตั้งอยู่ระหว่างพระวิหารหลวงกับพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทอง ศิลปะแบบอู่ทอง ปางมารวิชัย ที่ฐานมีลายปูนปั้น ประดับกระจกสวยสดงดงาม เช่น รูป ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีแบกฐานพระเป็นต้น ที่หน้าบันประดับด้วยลวดลายปูนปั้นวิจิตรงดงาม เช่นเดียวกับพระอุโบสถ และพระวิหารหลวง พระปรางค์ 5 ยอด วัดมหาธาตุวรวิหาร มีพระปรางค์ 5 ยอด เป็นสัญลักษณ์ สูงตระหง่านในเขตพุทธาวาส สามารถมองเห็นได้แต่ไกลทั้ง 4 ทิศ วัดจากฐานถึงยอดนภศูลได้ 55 เมตร รอบฐานยาว 120 เมตร มีอายุราว 1,000 กว่าปี ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุมาแต่อดีตกาล มีระเบียงคตรอบพระปรางค์ เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ในระเบียงคตมีพระพุทธรูปจำนวน 193 องค์ ประดิษฐานบนระเบียง พร้องทั้งมีตัวแบกที่ฐานพระ ส่วนมากตั้งอยู่ใต้องค์พระพุทธรูปทรงเครื่องไว้หลากหลาย สวยงาม พระพุทธรูปส่วนใหญ่ เป็นศิลปะอยุธยาตอนปลาย และสกุลช่างเมืองเพชร พุทธลักษณะงดงามมาก พิพิธภัณฑ์ ศาลา น.ส.อำพร บุญประคอง เป็นศาลาที่สร้างขึ้นใหม่ เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดมหาธาตุวรวิหาร เพชรบุรี ภายใน รวบรวมเครื่องลายคราม พระพุทธรูปรูป แผ่นภาพพระบทและสิ่งของมีค่าที่หายาก ตั้งแสดงไว้ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าชม

จังหวัดเพชรบุรี

                           


      จังหวัดเพชรบุรี

  จังหวัดเพชรบุรี (/เพ็ดชะบุรี/) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางตอนล่าง (บ้างก็จัดอยู่ในภาคตะวันตก ด้านของการพยากรณ์อากาศจัดอยู่ภาคใต้ตอนบน มีภูมิประเทศทั้งเป็นที่สูงติดเทือกเขาและที่ราบชายฝั่งทะเล มักเรียกชื่อสั้น ๆ ว่า เมืองเพชร เดิมเรียก พริบพรี และจากหลักฐานในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปรากฏชื่อว่า ศรีชัยวัชรปุระ

        จังหวัดเพชรบุรีมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตน้ำตาล เนื่องจากมีต้นตาลหนาแน่น เป็นเมืองเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เพชรบุรีเป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณและเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของไทยในกลุ่มหัวเมืองฝ่ายตะวันตก ปัจจุบันมีวัดเก่าแก่และบ้านเรือนทรงไทยจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีคำพูดติดปากว่า นักเลงเมืองเพชร ปัจจุบันเพชรบุรีเป็นเมืองด่านสำคัญระหว่างภาคกลางและภาคใต้ และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น หาดชะอำ หาดปึกเตียน หาดเจ้าสำราญ แหลมหลวง แหลมเหลว และเขื่อนแก่งกระจาน         ประวัติ
     เพชรบุรีเป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยโบราณและเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของไทยในกลุ่มหัวเมืองฝ่ายตะวันตก มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ มีหลักฐานชื่อเรียกปรากฏในหนังสือชาวต่างประเทศ เช่น ชาวฮอลันดาเรียกว่า “พิพรีย์” ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า “พิพพีล์” และ “ฟิฟรี” จึงสันนิษฐานกันว่าชื่อ “เมืองพริบพรี” ซึ่งเป็นชื่อเดิมของเมืองเพชรบุรี ซึ่งสอดคล้องกับชื่อวัดพริบพลี ที่เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัด และที่วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ตั้งเสาชิงช้าอีกด้วย
     เพชรบุรี (ศรีชัยวัชรบุรี) เป็นเมืองเก่าแก่มาแต่โบราณ เคยเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ อาณาจักรหนึ่ง บางสมัยมีเจ้าผู้ครองนครหรือกษัตริย์ปกครองเป็นอิสระ บางสมัยอาจจะตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรที่เข้มแข็งกว่า เจ้าผู้ครองนครได้ส่งเครื่องบรรณาการไปยังเมืองจีนเป็นประจำ เพชรบุรีมีปรากฏเป็นหลักฐานมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เช่น พระปรางค์ 5 ยอด ณ วัดมหาธาตุวรวิหาร และปราสาทหินศิลาแลง ณ วัดกำแพงแลงเป็นต้น โดยที่มาของชื่อเมืองนั้นอาจเรียกตามตำนานที่เล่าสืบกันมาว่าในสมัยโบราณเคยมีแสงระยิบระยับในเวลาค่ำคืนที่เขาแด่น ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่ามีเพชรพลอยบนเขานั้นจึงพากันไปค้นหาแต่ก็ไม่พบ จึงได้ออกค้นหาในเวลากลางคืนแล้วใช้ปูนที่ใช้สำหรับกินหมากป้ายเป็นตำหนิไว้เพื่อมาค้นหาในเวลากลางวัน แต่ก็ไม่พบ บ้างก็ว่าเรียกตามชื่อของแม่น้ำเพชรบุรี เมืองเพชรบุรีมีศิลปวัตถุมากมาย เป็นหลักฐานที่แสดงว่าเพชรบุรีเคยเป็นบ้านเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นชุมชนถาวรมาตั้งแต่สมัยทวารวดี เช่น ศิลปะปูนปั้น
     เพชรบุรี (ศรีชัยวัชรบุรี) เป็นเมืองเก่าแก่มาแต่โบราณ เคยเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ อาณาจักรหนึ่ง บางสมัยมีเจ้าผู้ครองนครหรือกษัตริย์ปกครองเป็นอิสระ บางสมัยอาจจะตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรที่เข้มแข็งกว่า เจ้าผู้ครองนครได้ส่งเครื่องบรรณาการไปยังเมืองจีนเป็นประจำ เพชรบุรีมีปรากฏเป็นหลักฐานมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เช่น พระปรางค์ 5 ยอด ณ วัดมหาธาตุวรวิหาร และปราสาทหินศิลาแลง ณ วัดกำแพงแลงเป็นต้น โดยที่มาของชื่อเมืองนั้นอาจเรียกตามตำนานที่เล่าสืบกันมาว่าในสมัยโบราณเคยมีแสงระยิบระยับในเวลาค่ำคืนที่เขาแด่น ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่ามีเพชรพลอยบนเขานั้นจึงพากันไปค้นหาแต่ก็ไม่พบ จึงได้ออกค้นหาในเวลากลางคืนแล้วใช้ปูนที่ใช้สำหรับกินหมากป้ายเป็นตำหนิไว้เพื่อมาค้นหาในเวลากลางวัน แต่ก็ไม่พบ บ้างก็ว่าเรียกตามชื่อของแม่น้ำเพชรบุรี เมืองเพชรบุรีมีศิลปวัตถุมากมาย เป็นหลักฐานที่แสดงว่าเพชรบุรีเคยเป็นบ้านเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นชุมชนถาวรมาตั้งแต่สมัยทวารวดี เช่น ศิลปะปูนปั้น
     เมื่อถึงยุคของอาณาจักรสุโขทัย แม้อาณาจักรสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหงแม้จะมีอำนาจครอบคลุมเพชรบุรี แต่เพชรบุรีก็ยังมีอิสระอยู่มาก สามารถส่งทูตไปจีนได้ ต้นวงศ์ของกษัตริย์เพชรบุรีในช่วงสมัยสุโขทัยคือ พระพนมทะเลศิริ ผู้เป็นเชื้อสายของพระเจ้าพรหมแห่งเวียงไชยปราการ ราชวงศ์นี้ได้ครองเมืองเพชรบุรีมาจนถึงสมัยพระเจ้าอู่ทองจึงได้เสด็จไปสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
     ในสมัยอยุธยาตอนต้น เพชรบุรีขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยาในแบบศักดินาสวามิภักดิ์มีขุนนางควบคุมเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป แต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ อำนาจในส่วนกลางมีมากขึ้น เพชรบุรียังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกรุงศรีอยุธยา ดังนั้นอำนาจจากส่วนกลางจึงมามีส่วนในการปกครองเพชรบุรีมากกว่าเดิม
     ในสมัยพระมหาธรรมราชา พ.ศ. 2113 พระยาละแวก เจ้าเมืองเขมร ยกกองทัพมาที่อยุธยา มาสู้กับกองทัพอยุธยา สู้ไม่ได้ แพ้ หนีไป อีก 5 ปีต่อมา พ.ศ. 2118พระยาละแวกยกทัพเรือมาที่อยุธยาอีก สู้อยุธยาไม่ได้อีก ยกกองทัพกลับไป พ.ศ. 2121 ทางเขมรได้ให้พระยาจีนจันตุยกทัพมาตีเมืองเพชรบุรี แต่ชาวเพชรบุรีป้องกันเมืองไว้ได้ พ.ศ. 2124 อยุธยาติดพันรบกับกบฏ พระยาละแวกก็เลยชิงยกกองทัพเรือมาเองมีกำลังประมาณ 7,000 คน เมืองเพชรบุรีจึงตกเป็นของเขมร จนถึงสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงตีเขมรชนะ เพชรบุรีจึงเป็นอิสระ โดยพ.ศ. 2136 สมเด็จพระนเรศวรฯ พิจารณานิสัย สันดานของเขมรแล้ว เจ็บช้ำพระทัย จึงยกกองทัพไปตีเขมร จับครอบครัวเอาไว้แล้วมาไว้ที่อยุธยา ตัดคอล้างพระบาท เพราะชอบฉกฉวยโอกาสขณะที่อยุธยาตีติดทัพที่อื่น แต่พระองค์ท่านยังมีพระเมตตา ให้โอกาสลูกชายคนโตของพระยาละแวก กลับไปปกครองเขมรต่อ แล้วให้ระบุว่า จะต้องไม่เป็นกบฏต่ออยุธยา และต้องเป็นเมืองขึ้นของสยามต่อไป และเนื่องจากทรงโปรดปรานเมืองเพชรบุรีเป็นพิเศษ จึงได้เสด็จมาประทับที่เมืองเพชรบุรีเป็นเวลาถึง 5 ปี ก่อนจะทรงยกทัพใหญ่ไปปราบพม่า และสวรรคตที่เมืองหาง
      เจ้าเมืองเพชรบุรีและชาวเมืองเพชรบุรีได้ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับข้าศึกหลายครั้ง นับตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเชษฐาธิราชและสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ โดยเฉพาะในสมัยพระเทพราชานั้น การปราบปรามเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่ง แข็งเมือง พระยาเพชรบุรีได้เป็นกำลังสำคัญในการส่งเสบียงให้แก่กองทัพฝ่ายราชสำนักอยุธยา อย่างไรก็ดีเมืองเพชรบุรีถูกตีแตกอีกครั้ง เมื่อพม่าโดยมังมหานรธราได้ยกมาตีไทย จนไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 นั่นเอง
      เพชรบุรีในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์
       ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจนถึงแผ่นดินสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ไทยยังคงทำสงครามกับพม่ามาโดยตลอดซึ่ง เจ้าเมืองและชาวเมืองเพชรบุรีก็ยังคงมีส่วนในการทำสงครามดังกล่าว จนเมื่อพม่าตกเป็นของอังกฤษ บทบาทของเมืองเพชรบุรีที่มีต่อเมืองหลวงและราชสำนักจึงค่อย ๆ เปลี่ยนไป
        พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดปรานเมืองเพชรบุรีตั้งแต่ครั้งยังผนวชอยู่เมื่อขึ้นครองราชย์แล้ว โปรดให้สร้างพระราชวัง วัด และพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นบนเขาเตี้ย ๆ ใกล้กับตัวเมืองและพระราชทานนามว่า “พระนครคีรี” ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังอีกแห่งหนึ่งในตัวเมืองเพชรบุรี คือ “พระรามราชนิเวศน์” หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่า “วังบ้านปืน” และด้วยความเชื่อที่ว่าอากาศชายทะเลและน้ำทะเลอาจบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวัง “พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” ขึ้นที่ชายหาดชะอำเพื่อใช้เป็นที่ประทับรักษาพระองค์